ประวัติความเป็นมา

ประวัติความเป็นมาของ “ขนมลา”

                  ขนมลา ชื่อเรียกนี้มี่ที่มาอยู่ 2 -3 กระแส กระแสด้านความเชื่อ กระแสที่ 1. น่าจะมาจากกะลา (กะลามะพร้าว) เพราะสมัยก่อนยังไม่มีกระป๋องเพื่อใส่แป้งในการทอดลา จึงใช้กะลามะพร้าว (ชาวใต้เรียกว่า “พรก”) นำมาเจาะรูเล็กๆหลายๆรู ขนาดรูเท่ากับไม้จิ้มฟัน เมื่อตักแป้งใส่แล้วจึงแกว่งส่าย (ชาวใต้เรียกว่า “ทอดลา”)แกว่ง เป็นวงกลมไปตามรูปกระทะ แป้งที่ดีเส้นจะต้องไม่ขาด และเส้น ต้องเล็กเท่ากับเส้นด้าย สีแป้งสะท้อนแวววาวเป็นประกาย 









                      ถ้าเส้นแป้งใหญ่จะเป็นปัญหาด้านความเชื่อที่ว่า “เปรตจะกินขนมลาไม่ได้” เพราะขนมลาเป็นความเชื่อมาตามประเพณีว่า ใช้แทนแพรพรรณ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม หรือเป็นอาหารให้กับบรรพชนผู้ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ส่วนใหญ่คนที่ตายไปแล้วจะตกนรกกลายไปเป็นเปรต รูปร่างผอม สูงใหญ่ ตาโปน มีปากเท่ากับรูเข็ม ดังนั้นเส้นของขนมลาจะต้องเล็ก เหนียวนุ่มเป็นประกาย ไม่ขาดสายเหมือนกับเส้นไหมสอดรูเข็มได้ กระแสที่ 2. น่าจะมาจากการเช็ดกระทะด้วยน้ำมัน ชาวใต้เรียกว่า “ลามัน”คือการทาเช็ดกระทะ เพราะทุกครั้งที่มีการทอดแป้งลาลงในกระทะจะต้องมีการ “ลามัน” ทุกครั้ง ถ้าเป็นลาแผ่น ลามัน 1 ครั้งจะลอกดึงแผ่นลาได้ 2 แผ่น ถ้ามากกว่านั้นแป้งจะติดกระทะ ลอกดึงขึ้นไม่ได้ การลอกดึงแผ่นลา ชาวใต้เรียกว่า “การพับลา” ดังนั้นหากไม่มีการลามัน แผ่นลาจะพับหรือลอกดึงขึ้นจากกระทะไม่ได้ แป้งจะติดกระทะ ความสำคัญของการ “ลามัน” ขนมลา หรือขนมที่มีลักษณะเป็นเส้นสีทองบาง ๆ จับกลุ่มรวมกันเหมือนผ้าแพรผืนหนา เป็นขนมหวานที่มีถิ่นกำเนิดจากภาคใต้ของประเทศไทย แต่ก็สามารถหากินได้ในทุกจังหวัด และด้วยรสชาติ รวมทั้งหน้าตาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร จึงทำให้ขนมลาเป็นที่ขนมโปรดของคนจำนวนไม่น้อย วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำประวัติความเป็นมาของขนมลา มาให้คุณ ๆ ได้รู้จักขนมลาผืนนี้กันให้มาก



            ขนมลา เป็นหนึ่งในขนม 5 ชนิด ที่ชาวใต้จะนำไปทำบุญในช่วงเทศกาลบุญสารทเดือนสิบ ซึ่งเป็นประเพณีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หรือที่เรียกว่า "บุพเปตพลี" โดยมีความเชื่อว่า บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว อาจจะตกไปอยู่ในภพภูมิที่ดี หรือภพภูมิที่เจอแต่ความยากลำบาก ต้องชดใช้วิบากกรรม ดังนั้นเทศกาลบุญสารทเดือนสิบจึงเปรียบเสมือนตัวแทนขนส่งบุญกุศล อาหาร เครื่องดื่ม และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว




            โดยนอกจากอาหาร และข้าวของทำบุญอื่น ๆ แล้ว ขนมประจำประเพณีที่ชาวบ้านต้องเตรียมก็ได้แก่ ขนมลา, ขนมพอง, ขนมกง หรือขนมไข่ปลา, ขนมบ้า และขนมดีซำ ซึ่งขนมแต่ละชนิดก็จะมีความหมายในตัวอย่าง ขนมลา ก็เป็นสัญลักษณ์แทนอาหารและแพรพรรณเครื่องนุ่งห่ม ขนมพอง เป็นสัญลักษณ์แทนแพให้วิญญาณบรรพบุรุษใช้ล่องข้ามห้วงมหรรณพ ขนมบ้า เป็นสัญลักษณ์แทนสะบ้า ให้วิญญาณบรรพบุรุษช้เล่นสะบ้าในวันสงกรานต์ ขนมกง หรือขนมไข่ปลา เป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องประดับ และขนมดีซำ เป็นสัญลักษณ์แทนเงินเบี้ย สำหรับใช้สอยในภพภูมิที่วิญญาณบรรพบุรุษอยู่









บรรณานุกรม

 กิ่งกาญจน์ ทิพย์สุขุม.  “ขนมลา”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก :
              th.wikipedia.org/wiki/ขนมลา.  (วันที่สืบค้นข้อมูล : 12 กันยายน 2559).



  
Creative Commons License








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น